การเลี้ยงหมูหลุม เลี้ยงง่าย กลิ่นไม่เหม็น ต้นทุนไม่สูง
การเลี้ยงหมูหลุม
การเลี้ยงหมูหลุม เป็นวิธีการเลี้ยงหมูแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก เป็นการเลี้ยงหมูในหลุมดินที่ขุดลึกประมาณ 1-2 เมตร หลุมจะปูด้วยวัสดุรองพื้น เช่น แกลบ ฟางข้าว หรือขี้เลื่อย หมูจะกินอาหารและขับถ่ายลงบนวัสดุรองพื้น วัสดุรองพื้นจะดูดซับความชื้นและกลิ่นมูลสัตว์ ทำให้คอกหมูสะอาดและปราศจากกลิ่นเหม็น การเลี้ยงหมูหลุมเป็นวิธีการเลี้ยงหมูที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูง หมูจะโตเร็วและแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือวัคซีน หมูที่เลี้ยงด้วยวิธีนี้จะมีเนื้อที่มีคุณภาพดี ปราศจากสารเคมีตกค้าง
หมูหลุม เป็นการเลี้ยงหมูแบบผสมผสานระหว่างการเลี้ยงหมูแบบทั่วไปกับการเลี้ยงโดยวิธีธรรมชาติซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตด้านอาหารสัตว์ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากปุ๋ยมูลสุกรอีกทั้งยังลดกลิ่นเหม็นและแมลงรบกวน และไม่ต้องลงทุนในการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียให้สิ้นเปลือง
โรงเรือน (คอกหมูหลุม)
- ควรสร้างบนที่ดอน น้ำท่วมไม่ถึง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- วัสดุก่อสร้างโรงเรือน ควรหาได้ง่ายในท้องถิ่น ตั้งแต่โครงสร้างคอกจนถึงหลังคา เช่น ไม้ไผ่ ไม้ยูคาฯ หญ้าแฝกใบตองตึง เป็นต้น
- พื้นที่สร้างคอกคำนวณจาก หมู 1 ตัว ต่อพื้นที่ 1.2 ตร.ม. คอกขนาด 2 x 3 เมตร เลี้ยงหมูได้ 5 ตัว และ คอกขนาด 3 x 4 เมตร เลี้ยงหมูได้ 10 ตัว
- จากนั้นขุดหลุมลึกประมาณ 70 – 90 ซม. ก่อกำแพงล้อมรอบภายในทั้ง 4 ด้าน ด้วยอิฐหรือไม้ไผ่ เพื่อป้องกันดินพังลงหลุม
- ใส่วัสดุรองพื้นคอกลงในหลุม ประกอบด้วย
- แกลบหรือขี้เลื่อย 100 ส่วน
- ดินส่วนที่ขุดออกหรือปุ้ยคอก (ขี้วัวแห้ง) 10 ส่วน
- เกลือ 0.3 – 0.5 ส่วน
- รำละเอียด 1 ส่วน
- น้ำหมักชีวภาพ หรือ พ.ด.2
โดยแบ่งความลึกของบ่อออกเป็น 3 ชั้น แต่ละชั้นมีความลึกประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร โดยแต่ละชั้นมีขั้นตอน ดังนี้
-
- ใส่แกลบหรือขี้เลื่อยลงให้มีความสูงประมาณ 25 – 30 ชม.
- ใส่ดินที่ขุดออกหรือยคอกตามสัดส่วนที่กำหนด โรยด้วยรำละเอียดและเกลือ แล้วรดด้วยน้ำหมักชีวภาพ หรือ พ.ด.2 ขึ้นพอหมาดๆ
เมื่อทำครบ 3 ชั้นแล้ว ให้ใช้แกลบหรือขี้เลื่อยโรยปิดหน้าหนาประมาณ 1 ฝ่ามือ ทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน จึงนำหมูเข้าเลี้ยง
พันธุ์หมูที่นิยมนำมาเลี้ยง
ควรใช้หมูลูกผสม 3 สายเลือด จะโตเร็วหรือหมูพันธุ์พื้นเมืองก็ได้ แต่อาจโตช้ากว่าเล็กน้อย โดยเริ่มนำเข้าเลี้ยงเมื่อหมูมีอายุ 1 เดือนครึ่ง (6 สัปดาห์) น้ำหนัก 15 – 20 กก.
การจัดการเลี้ยงดูหมูหลุม
- หลังจากนำหมูเข้าเลี้ยงในช่วงเดือนแรก ให้ใช้อาหารเม็ดของหมูอ่อนหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรำ ปลายข้าวและผสมพืชหมัก เศษผัก หรือผักต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น เช่นหยวกกล้วยหมัก ใบปอสา ผักโขม ผักบุ้ง เป็นต้น
- ควรมีน้ำหมักสมุนไพรหรือน้ำหมักผลไม้ อัตรา 2 ช้อนต่อน้ำ 10 ลิตร ให้กินตลอดเวลา
- ใช้น้ำหมักชีวภาพ หรือ อี.เอ็ม. รดพื้นคอกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อลดกลิ่น หากแกลบหรือขี้เลื่อยภายในหลุมยุบ ก็ให้นำแกลบใหม่เติมเข้าไปจนเสมอปากหลุม
การให้อาหาร
ช่วงหมูเล็ก (หลังจากหย่านมจนถึงน้ำหนัก 30 กก.) ใช้อาหารเม็ดของหมูอ่อน หรืออาจจะผสมอาหารหมูเล็ก ประกอบด้วยรำอ่อน ปลายข้าว กากถั่วเหลืองและปลาป่น หรือใช้น้ำปลาหมัก หรือน้ำหอยเชอรี่หมักแทนปลาปัน โดยผสมกับอาหารข้นให้หมูกิน เมื่อน้ำหนักมากกว่า 30 กก. ให้รำปลายข้าว ผสมกับพืชหมัก จะทำให้หมูเจริญเติบโตได้ดี
การทำอาหารหมักสำหรับหมูหลุม
วัสดุอุปกรณ์
- ถังหรือถุงดำสำหรับใส่อาหารหมัก
- ผลไม้หรือพืชผักสีเขียวทุกชนิด
- น้ำตาลทรายแดง
- เกลือเม็ด
- พลาสติกหรือถุงอาหารสัตว์เก่า
อัตราส่วนการใช้
เศษผลไม้หรือพืชผักสีเขียว 100 กิโลกรัม ต่อน้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาล 4 กิโลกรัม ต่อเกลือเม็ด 1 กิโลกรัม
ขั้นตอนและวิธีการทำ
- หั่นผลไม้หรือเศษพืชผักออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 2-4 เซนติเมตร
- นำผลไม้หรือเศษพืชที่หั่นเรียบร้อยใสในถังหรือถุงดำ
- ใช้มือกดหรือใช้เท้าเหยียบให้แน่นและเรียบ โรยน้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาลให้ทั่ว แล้วโรยเกลือเม็ดทับหน้าให้ทั่ว
- ปิดปากถังด้วยพลาสติกหรือถุงอาหารสัตว์เก่า และ ปิดด้วยฝาถังอีกครั้ง หมักทิ้งไว้ 8-12 วัน หากจำเป็นเร่งด่วนหมัก 4-5 วัน ก็สามารถนำไปใช้ได้

ที่มา : คอกหมูหลุมฟาร์มคุณวุฒิ-สาครขันธ์
หมายเหตุ ถ้าหมักอาหารจำนวน 100 กิโลกรัม และสามารถแบ่งการหมักออกเป็น 4 ชั้น ๆ ละ 25 กิโลกรัม โดยใช้อัตราส่วน ขั้นตอน และวิธีการทำดังที่กล่าวข้างต้น จะทำให้การหมักอาหารมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
ข้อบ่งใช้ ใช้ตามอัตราส่วนที่ต้องการ เช่น อาหารหมัก 80 กิโลกรัม ต่ออาหารสำเร็จ 20 กิโลกรัม หรือ อาหารหมัก 70 กิโลกรัม ต่ออาหารสำเร็จ 30 กิโลกรัม เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดได้ที่
กองงานพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ กรมปศุสัตว์ โทร. 0 2653 4444 ต่อ 3373 โทรสาร 0 2653 4930 E-mail : drasa3@dld.go.th www.royal.dld.go.th
บทความอื่นที่น่าสนใจ