ปลูกกระชาย พืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์
ปลูกกระชาย
กระชาย ได้ชื่อว่าเป็นโสมของคนไทย “Thai ginseng” และเป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ข้อมูลจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่า กระชาย มีสรรพคุณทางยา แก้โรคในปาก เช่น ปากเปื่อย ปากเป็นแผล ขับระดูขาว ขับปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนท้อง รักษาอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ช่วยย่อยอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย แก้ลมวิงเวียน
ปัจจุบัน กระชายเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขายดี เป็นที่นิยมในท้องตลาดอย่างมาก เนื่องจากมีผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า สารสกัดกระชายมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคหรือยับยั้งไวรัสโควิดได้ด้วยหลอดทดลอง ทำให้กระชายขายได้ราคาดี สร้างแรงจูงใจให้มีเกษตรกรสนใจปลูกกระชายกันอย่างกว้างขวาง
จะทำสวนกระชายต้องเริ่มต้นอย่างไร
เกษตรกรจะต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า กระชายเป็นพืชที่ชอบสภาพแสงรำไร ดังนั้น การปลูกกระชายส่วนใหญ่จะต้องปลูกภายใต้ร่มเงาของไม้อื่น ถ้าเป็นสวนผลไม้เก่าจะดีมาก โดยเฉพาะในสภาพพื้นที่ที่มีการปลูกกล้วยจะดีมาก ในการเตรียมดินจะไม่ยุ่งยากเหมือนกับการ ปลูกพืชอื่น เพียงแต่ตัดต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ออกบ้างให้มีพื้นที่ว่างปลูกกระชายได้
กระชาย มี 3 ชนิด คือ กระชายเหลืองหรือกระชาย ขาว, กระชายแดง, กระชายดำ ส่วนฤดูปลูกนั้น สามารถปลูกได้ทั้งปี แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม
ประโยชน์ของกระชาย
- ประโยชน์กระชาย สามารถนำมาทำเป็นน้ำกระชายปั่น ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น บำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดี
- น้ำกระชายช่วยทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น ช่วยทำให้เหนื่อยลง
- ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรง เปลี่ยนผมขาวให้กลับเป็นดำ ช่วยทำให้ผมบางกลับมาหนาขึ้น และช่วยแก้ปัญหาผมหงอก ผมร่วงได้
- รากนำมาใช้เป็นเครื่องแกงในการประกอบอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อและปลาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาดุก ปลาไหล ปลากุลา เป็นต้น และยังทำให้อาหารมีกลิ่นและรสที่หอมแบบเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
- รากกระชายสามารถช่วยไล่แมลงได้ ด้วยการนำตะไคร้ ข่า หอมแดง ใบสะเดาแก่ นำมาตำผสมกันแล้วใช้ผสมกับน้ำฉีดในบริเวณที่มีแมลงรบกวน
ขั้นตอนการปลูกกระชาย
- เริ่มจากการไถพรวนดิน หรือขุดดินเพื่อกำจัดวัชพืชและปรับปรุงโครงสร้างหน้าดินให้พร้อมในการปลูกกระชาย แล้ว นำขี้เถ้าแกลบผสมกับแกลบ อัตราส่วน 1:1 หว่านให้ทั่วแปลงปลูก พื้นที่ 1 ไร่ ใช้ขี้เถ้า 100 กระสอบ แกลบ 100 กระสอบ พรวนให้เข้ากัน
- นำหัวพันธุ์กระชายปลูกในแปลงปลูกให้เป็นแถว ใช้เศษฟางหญ้า หรือทางมะพร้าวแห้ง ปิดคลุมไว้ ประมาณ 1-2 เดือน หว่านปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ให้ทั่วแปลง
- การเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้นใช้ระยะเวลาในการปลุกประมาณ 8-12 เดือน หรือปล่อยให้ต้นกระชายฟักตัว
การปลูกลงแปลง
ต้องเตรียมแปลงปลูก โดยการพรวนดินตากแดดทิ้งไว้นาน 5 – 7 วัน เพื่อปรับสภาพดิน ยกร่องกว้างประมาณ 1.50 เมตร ขุดหลุมลึกประมาณ 10 – 15 ซม.ใส่ปุ๋ยคอกให้พอเหมาะ แล้วทำการปลูก ระยะห่างระหว่างหลุมและแถวประมาณ 30 X 30 ซม. ใส่หัวหรือเหง้า 2 -3 หัว (แง่ง) ต่อหลุม แล้วกลบหลุมรดน้ำให้ชุ่ม
การปลูกการเตรียมเหง้าพันธุ์กระชาย
- คัดเลือกหัวพันธุ์ที่มีอายุประมาณ 8 – 9 เดือน มีตาสมบูรณ์ ไม่มีโรคแมลงทำลายแล้ว แบ่งหัวพันธุ์โดยการหั่น ขนาดของเหง้าควรมีตาอย่างน้อย 3-5 ตาหรือแง่ง มีน้ำหนัก 15 – 50 กรัม
- แล้วทำการแช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง มาลาไธออน หรือคลอไพรีฟอส 1-2 ชั่วโมง ตามอัตราแนะนำ ชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกัน กำจัดเชื้อราก่อนปลูก
การเตรียมหัวพันธุ์กระชาย การปลูกใช้ท่อนพันธุ์มี 2 ลักษณะคือหัวแม่และแง่ง
- การปลูกโดยหัวแม่ควรมีน้ำหนักประมาณ 15-50 กรัม/ หัว
- การปลูกด้วย แง่งพันธุ์มีปล้อง 7-9 ปล้อง / ชิ้น น้ำหนัก 15-30 กรัม ยาว 8-12 ซม. ก่อนปลูกกระชาย หัวพันธุ์ควรแช่ด้วยยาป้องกันเชื้อรา และยาฆ่าเพลี้ยโดยแช่ไว้ประมาณ 30 นาทีการปลูกควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 50 กก. / ไร่ และวางท่อนพันธุ์ กลบดินหนาประมาณ 5-10 ซม. ขมิ้นจะใช้เวลาในการงอก ประมาณ 30-70 วัน หลังปลูก
การปลูกในไร่ (กรณีปลูกปริมาณมากๆ)
การเตรียมดิน
การดูแลรักษา
วิธีการเก็บเกี่ยว
- ใช้วิธีขุด การใช้ขี้เถ้าและแกลบผสมจะทำให้ขุดง่าย ดินร่วนซุยหัวกระชายโต อวบอ้วน ขาว เป็นที่ต้องการของตลาด
- การใช้ขี้เถ้าแกลบผสมกับแกลบ เป็นการปรับโครงสร้างดินเหนียวที่ดีวิธีหนึ่ง เป็นการประหยัด และทำง่ายต่อเกษตรกร
ผลผลิต
โดยเฉลี่ยหัวพันธุ์ 1 กก. สามารถให้ผลผลิตได้ 5-8 กก. ดังนั้น 1 ไร่ จะได้ผลผลิต ประมาณ 1,000-2,000 กก.
การแปรรูป
การจำหน่าย
ราคาสินค้า กระชาย(หัว) วันที่ 27 พฤษภาคม 2555 ที่ตลาดสี่มุมเมือง ราคาเฉลี่ยวันนี้: 30.00 บาท/กิโลกรัม, ราคาสูงสุด: 30.00 บาท/กิโลกรัม, ราคาต่ำสุด:: 30.00 บาท/กิโลกรัม
การเก็บรักษาพันธุ์
กระชายดำที่แก่จัดจะมีอายุประมาณ 11 – 12 เดือน หัวจะต้องสมบูรณ์ อวบใหญ่ปราศจากเชื้อโรค เก็บไว้ในที่แห้งและเย็นนาน ประมาณ 1 – 3 เดือน จึงจะนำไปปลูกต่อได้
แหล่งที่มา : กรมวิชาการเกษตร
บทความอื่นที่น่าสนใจ