บทความเกษตร » ปลูกพืชผักสวนครัว ไว้รับประทานในครัวเรือน ปลอดสารพิษประหยัดค่าใช้จ่าย

ปลูกพืชผักสวนครัว ไว้รับประทานในครัวเรือน ปลอดสารพิษประหยัดค่าใช้จ่าย

8 เมษายน 2023
698   0

ปลูกพืชผักสวนครัว ไว้รับประทานในครัวเรือน ปลอดสารพิษประหยัดค่าใช้จ่าย

ปลูกพืชผักสวนครัว

ปลูกพืชผักสวนครัว


ในการปลูกผักสวนครัวไว้บริโภคต้องยึดหลัก 4 ประการ คือ ใช้พื้นที่ปลูกให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ต้องปลูกปักให้ไต้มากชนิตที่สุดเพื่อจะมีผักไว้บริโภคหลายๆ อย่าง ต้องเลือกชนิดผักที่ชอบบริโภคสามารถรับประทานได้ทุกวันมีคุณค่าทางอาหารแมลงไม่ชอบ และปลอดภัยจากสารเคมี

วิธีเลือกผักในบ้านให้ได้ผลดีต้องเลือกพันธุ์ที่ปลูกง่ายไม่ยุ่งยากจนเกินไป และใช้บริโภคในครัวเรือนเป็นประจำ เช่นกวางตุ้ง ผักกาดเขียว ผักชั ผักบุ้ง กระเพรา เป็นต้น ปลูกไต้ตลอดทั้งปีอายุการเก็บเกี่ยวอยู่ระหว่าง 35-55 วัน หรือเรียกว่าปักอายุสั้น สภาพแสงเงาที่ผักแต่ละชนิดต้องการไม่เท่ากันโดยแบ่งความต้องการออกได้เป็น 2 ประเภท คือผักที่ไม่ต้องการแสงแดดตลอดทั้งวัน แปลงปลูกประเภทนี้ควรปลูกผักที่สามารถเจริญเติบโตในร่มได้ เช่น ชะพลู สะระแหน่ ตะไครั ขิง ช่า กะเพรา เป็นต้น ประเภทที่ต้องการแสงตลอดวัน ผักที่ควรปลูกไต้แก่ ถั่วฝักยาว คะน้า ผักกาดเขียว กวางตุ้ง พริกต่างๆ  การปลูกผักนั้นควรมีความพิถีพิถันในการดูแล ในการปลูกผักสวนครัวผู้ปลูกควรมีเวลาดูแลวันละ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเนื้อที่ปลูก สำหรับผู้ที่เริ่มปลูกผักสวนครัวนั้นอาจต้องมีการวางแผนกันเล็กน้อยก่อนเริ่มลงมือปลูก ทั้งนี้เพื่อขจัดปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และทำให้การปลูกผักสวนคัวไม่ลุลวงไปด้วยดีจึงขอนำเสนอเคล็ดลับในากรปลูกผักสวนครัวเพื่อเป็นแนวทางเบื้องตันสำหรับผู้ที่จะหันมาปลูกผักสวนคัวในที่พักอาศัย

ขั้นเตรียมการเลือกผักที่จะปลูก 

ควรเลือกผักที่ใช้บ่อย โดยเลือกปลูกทั้งพืชยืนตัน และพืชล้มลุก พืชยืนตันที่น่าปลูกได้แก่ แค มะกรูต มะนาว โหระพา กะเพรา แมงลัก ข่า ตระไครั พริก และมะเขือ ซึ่งพืชพวกนี้ปลูกง่ายเก็บผลได้นาน ส่วนพืชสัมลุก ควรเลือกที่สมาชิกในบ้านชอบในการวางแผนปลูกนั้นต้องเลือกทยอยปลูก จะประหยัดเวลาในการดูแลรักษา ประหยัดน้ำ และปุยด้วย ส่วนปุ๋ยนั้นสามารถทำเองได้ในบ้านโดยนำเอาเศษผัก เปลือกผลไม้ เศษหญ้า เปลือกไข่มากองรวมกัน รดน้ำ 7 -10 วันต่อครั้ง อีก 3-4 เดือน ก็จะผุเปื่อยกลายเป็นปุ๋ยนำมาใช้กับแปลงผักสวนครัวในบ้านได้ ปุ๋ยคอกที่ขายตามร้านตันไม้มีราคาค่อนข้างแพง แต่ก็หาซื้อได้สะดวก แต่ถ้ามีเวลา ขอแนะนำให้ไปเลือกซื้อแถบชานเมืองของกรุงเทพ เช่น ปทุมธานี นครปฐม เป็นต้น ผู้ที่อยู่ในต่างจังหวัดจะได้เปรียบในเรื่องนี้เพราะสามารถหาซื้อปุ๋ยคอกได้ง่าย ส่วนแกลงนั้นหาซื้อได้จากโรงสี ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ถามร้านขายต้นไมัดูก็ได้ หรือใช้วัสดุที่มีภายในบ้านทำปุ๋ยเองก็ได้ซึ่งจะเป็นการประหยัดอีกวิธีหนึ่งด้วย

เตรียมแปลงผัก

สิงที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากก็คือ ควรเลือกปลูกใกล้สถานที่อยู่อาศัยดินดีหรือควรมีการปรับปรุงติน ก่อนเช่นการใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกก่อน แปลงผักควรตากแดด อย่างน้อยครึ่งวัน ถ้าปลูกผักติดกันหลาย ๆ แปลงต้องให้แปลงผัก ขนาดไปกับทิศตะวันตกและตะวันออก เลือกปลูกผักที่มีความสูง ต่ำแตกต่างกันไว้ในแปลง ใกล้กันเพื่อจะไต้ไม่บังแดดกัน ช่วยใน การสะสมอาหารและป้องกันโรค

การเตรียมแปลงเพราะปลูกนั้นต้องมีการขุดดินขึ้นมาตากแดดไว้ 7 – 5 วัน ใส่ปุ๋ยเพื่อปรับสภาพดิน ยกหน้าดินให้สูงจากพื้นทางเดิน 10 ชม. แต่งหน้าดินให้เรียบการหว่านเมล็ดพันธุ์ทำได้ 2 วิธีคือ วิธีการหว่านเมล็ดพันธุ์ผักนั้นควรหว่านให้สม่ำเสมอ อย่าให้แน่นเกินไป จะทำให้ติดโรคได้ง่ายแล้วหว่านดินกลบ ใช้จอบตีร่องให้เป็นแถวตามความกว้างหรือความยาวของแปลงเพาะกล้าก็ได้ ให้แต่ละแถวมีระยะห่างกัน 1 คืบ โรยเมล็ดด้วยดินแล้ว ควรใช้แกลบหรือฟางแห้งคลุมดินเพื่อรักษาความขึ้น และป้องกันการเคลื่อนย้ายของเมล็ดพันธุ์ผัก และกล้าอันเนื่องจาการรดน้ำ และตันกล้าไม่บอบช้ำหรือสูญเสียการงอก

ปัญหา  ที่ผู้ปลูกผักสวนครัวอาจต้องเจอคือ การเพาะเมล็ดแล้วงอกไม่ค่อยดี ทั้งนี้อาจมาจากหลายสาเหตุดังนี้ คือ เมล็ตพันธุ์ที่ซื้อมาจากร้านค้าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เก่าเกินไป เหลือค้างหรือตากแดดเก็บในที่ร้อน หรือกระทบร้อนกระทบเย็นบ่อย ๆ ควรเลือกจากร้านที่ไว้ใจได้ หรือร้านที่มีลูกค้ามาก  เนื่องจากจะได้เมล็ดพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ และสังเกตที่ซองหรือกระป้องไม่ควรเก่าเป็นสนิม หรือซองเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือฉีกขาด เมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ๆ จะมีกำกับการตรวจสอบเปอร์เซ็นต์การงอก และความบริสุทธิ์ของเมล็ตพันธุ์ จากพระราชบัญญัติมล็ดพันธุ์เพื่อควบคุมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์

ปลูกพืชผักสวนครัว

วิธีการปฏิบัติดูแลไม่ถูกต้อง

มีหลายสาเหตุ เช่นวิธีการหยอดเมล็ดถ้าหยอดลึกเกินไปหรือมีดินทับเกิน 2 ชม. ต้นกล้าอ่อนมักโผล่ม่พันดิน เน่าตายอยู่ในดินเสียก่อนวิธีการลดน้ำควรใช้ฝึกบักหัวฝอยที่สุดถ้าแรงเกินไปเมล็ตพันธุ์จะกระเต็นออกจากแปลงหรือหล่นเข้าไปติดอยู่ในซอกลึกๆ หรือการลดน้ำในช่วงที่อากาศร้อนจัดก็ไม่เป็นผลดีนักกับผักสวนครัวควรดูแลอย่างใช้ความเข้าใจ

การเพาะกล้า

เมล็ดพันธุ์ผักมักจะมีเชื้อโรคติดอยู่ด้วยจึงควรแช่เมล็ตพันธุ์ในน้ำอุ่นจัดขนาดมือทนได้อย่างน้อย 2 นาที ผึ่งหมาดแล้วจึงนำไปเพาะกล้าแล้วย้ายปลูกได้ยกเว้นผักชี ผักบุ้งและผักกินหัวต่าง ๆ ควรเพาะในถุงและทยอยปลูก ทำให้ต้นกล้าไม่ชะงักการเจริญเติบโตในสภาพดินที่มีความขึ้นสูงหรือการปลูกหน้าฝน การพักกล้า อาจจะไม่จำเป็น แต่ในช่วงฤดูแล้งการพักกล้าทำให้เปอร์เซ็นต์การตายน้อยและประหยัดแรงงานและวัสดุ การพักตันกล้ำาทำใต้โดยนำกระทงเพาะกล้ใส่ดินแล้วนำตันกล้าย้ายลงไปในกระทงวางไว้ในร่มประมาณ 7 – 1 0 วัน เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้แล้ว ก่อนย้ายปลูกให้นำออกจากร่มประมาณ 3 วัน จึงย้ายปลูก เทคนิคการย้ายปลูกนั้นมีหลักปฏิบัติคือ กล้าควรมีใบจริง 3-5 ใบ ควรย้ายปลูกในเวลาเย็นแดดอ่อน สำหรับกล้าที่รวมกันในกระบะหรือแปลงเพาะก่อนย้ายควรลดน้ำตันกล้าเสียก่อน ส่วน กล้าที่เพาะในกระทงหรือถุงต้องงตการรดน้ำ 1 วัน ในการย้ายควรจับเบาๆ เอาไม้บางๆ แงะให้มีดินติดรากไปด้วยมากๆ ถอนแล้วควร รีบปลูกทันที เลือกปลูกแต่ต้นที่แข็งแรง ลำต้นตรงใบสมบูรณ์ ยอดไม่ห้อยเวลาปลูกควรตั้งตันให้ตรง และกดตินรอบโคนให้แน่นพอ สมควร เมื่อปลูกกล้าเสร็จแล้วให้รีบรดน้ำทันที

การดูแลรักษา ปลูกพืชผักสวนครัว

นอกจากการรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยตามปกติแล้วจะต้องตรวจผักในสวนครัวอย่างนัอยอาทิตย์ละครั้ง แต่ใบที่แก่เกินไปหรือเป็นสิ่งเหลืองออก ถ้าพบแมลงหรือไข่หนอนให้จับและทำลาย ในแปลงพืชที่มีดอกตัวผู้และตัวเมียคนละดอกกัน เช่น แตงกวา บวบ ฟักทอง มะระ เป็นต้น  ถ้าไม่ติดลูกให้เด็ดดอกตัวผู้ที่เพิ่งบานมาครอบดอกตัวเมียที่เพิ่งบานและเคาะเบาๆ ให้ละอองเกสรหล่นบนดอกตัวเมีย จะทำให้ติดผลดีขึ้น ดอกตัวผู้ 1 ดอก สามารถครอบดอกตัวเมียได้ 4-5 ดอก นับได้ว่าการปลูกพืชผักนั้น ต้องการการดูแรักษาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้การกำจัดโรคและแมลงนับได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะผักบางชนิดนั้นแมลงชอบมากเป็นพิเศษ เช่นผักกาดขาว กวางตุ้ง เป็นต้น สามารถใช้วิธีการปลูกผักที่แมลงไม่ชอบล้อมรอบหรือเป็นผักกันชนอย่างไรก็ตามการกำจัดโรคและแมลงศรัตรูพืชสำหรับผักสวนครัวนั้นเนันวิธีธรรมชาติคือ การปฏิบัติดูแลให้ผักที่ปลูกแข็งแรง เพื่อได้มีความต้านทานโรคส่วนการกำจัดแมลงศัตรูเนันการใช้มือจับทำลาย ถ้ามีการระบาดมากก็ใช้สารธรรมชาติ เช่น สะเดา เป็นตัน ทั้งนี้เพื่อให้ผักที่ปลูกนั้นปลอดสารเคมีอย่างแท้จริง

7 ผักสวนครัว ปลูกง่าย โตเร็ว 

1. ปลูกกะเพรา

กระเพรา

ผักสวนครัวชนิดแรก เป็นผักที่ยอดฮิต นิยมมาก ๆ ใบกะเพรานั่นเอง เชื่อว่าทุกบ้านต้องทานผัดกะเพราะแน่นอน กะเพราเป็นพืชที่ขึ้นง่าย โตง่าย ไม่กินพื้นที่เพราะตัวต้นนั้นสูง 30-60 เซนติเมตรเท่านั้น ปลูกก็ง่ายแสนง่าย ถ้าใช้เมล็ดก็แค่โรยลงดินรดน้ำนิดหน่อย ประมาณ 7-10 วัน เมล็ดก็จะเริ่มงอกออกมาแล้ว หรือง่ายไปกว่านั้น อาจจะแบ่งกิ่งมาจากคนอื่น เด็ดส่วนยอดออก นำไปปักลงดินเฉียงประมาณ 45 องศา รดน้ำพอชุ่มและรองอก ปลูกผักสวนครัวง่าย ๆ เท่านี้ก็รอทานกะเพราที่ปลูกกินเองได้เลย

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : สามารถเก็บกินได้ตั้งแต่ใบอ่อน 20 วัน และสามารถเก็บกินได้เรื่อย ๆ ตลอดปี

2. ตะไคร้   

เป็นพืชที่แตกหน่อ เติบโตง่าย น้ำท่วมไม่ตาย แต่แล้งหนักๆ ไม่ได้  ตะไคร้ มีประโยชน์ในการป้องกันหน้าดิน ปลูกไว้ข้างๆ บ่อกันการกัดเซาะของน้ำได้ดี ใบตะไคร้มีกลิ่นหอม นำมาเผาให้เกิดควันใช้ไล่ยุงได้อีกด้วย   การปลูกก็ไม่ยาก เอาหน่อตะไคร้ฝังดินไว้ ไม่ต้องลึกมาก รดน้ำให้ดินชุ่ม ไม่นานก็แตกหน่อออกมาเป็นกอ

3. ปลูกพริก

ผักสวนครัวอีกชนิดที่เชื่อว่าทุก ๆ บ้านต้องมีติดไว้แน่นอน นั่นก็คือพริกนั่นเอง เพิ่มความแซ่บซี๊ดให้กับจานอาหารของเรา ช่วยทำให้เลือดลมหมุนเวียน ขับเหงื่อ แก้หวัดได้ แต่หลาย ๆ คนก็บอกว่าพริกปลูกยากแถมยังราคาแพง ทำให้บางคนก็เลือกที่จะซื้อพริกเป็นต้นมาปลูกเลย แต่จริง ๆ แล้วพริกปลูกไม่ยาก พริกนั้นชอบดินร่วน หลังจากปลูกด้วยเมล็ด 7 วัน จะเริ่มงอกเป็นต้นกล้า จึงค่อยแยกปลูกลงในแปลงหรือกระถาง และการปลูกผักสวนครัวอย่างพริก ไม่ควรให้ดินแฉะเกินไป เพราะอาจทำให้ตายได้

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : หลังจากย้ายต้นกล้าลงแปลงหรือกระถาง จะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ก็สามารถรับประทานได้แล้ว

4. ผักคะน้า

สุดยอดผักในเมนูอาหารที่หลากหลาย อีกทั้งมีราคาค่อนข้างดี เป็นที่นิยมสูง ปลูกไว้ไม่เสียดายแน่นอน  การปลูกไม่ต้องขุดหลุมลึกมาก การปลูกคะน้าใช้วิธีหว่านเมล็ดลงในแปลงได้เลย วิธีการหว่านเมล็ดจะหว่านแบบกระจายทั่วทั้งแปลง หรือจะโรยเมล็ดแบบเรียงแถวก็ได้ การเลือกปลูกวิธีไหน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ปลูกเอง เสร็จแล้วใช้ฟางหรือเศษใบไม้แห้งปิดคลุมทับหน้าดินเพื่อรักษาความชื้น ไม่นานต้นคะน้าก็จะแทงยอดอ่อนออกมาให้งอกงาม

5. ต้นหอม

ต้นหอม ใช้เวลาในการงอกอยู่ที่ 5 วันและใช้เวลาปลูกอยู่ที่ 45 วันจึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้

วิธีการเพาะ

1.เตรียมดินสำหรับการเพาะปลูกให้เรียบร้อย

2.นำเมล็ดถั่วลิสงมาถูกแล้วผสมกับดินจนเป็นเนื้อเดียวกัน

3.นำเมล็ดต้นหอมโรยลงไปบนหน้าดิน

4.ให้ทำการลดน้ำช่วงเช้าและช่วงเย็น

5.และเมื่อเวลาผ่านไปมีใบขึ้น ให้เราทำการลดน้ำเหลือครั้งละ 1 วันพอ

6. มะเขือเทศ  

พันธุ์ที่นิยมปลูกในบ้านคือมะเขือเทศสีดา นำมาทำอาหารได้หลากฟลายเมนู  การปลูกมะเขือเทศ ต้องให้น้ำสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงเริ่มแก่ คือผลเริ่มเปลี่ยนสี หลังจากนั้นจึงลดการให้น้ำเพื่อป้องกันผลแตก

7. ปลูกผักชี

อีกหนุ่งผักสวนครัวที่หลาย ๆ บ้านต้องมีติดไว้แน่นอน จะเอามาโรบหน้า ตกแต่งอาหารให้สวยงาม เพิ่มความหอมหรือจะเอามาประกอบอาหาร ทำน้ำพริกต่าง ๆ ก็สารพัดประโยชน์ แถมเรายังปลูกผักสวนครัวอย่างผักชีได้ง่าย ๆ อีกด้วย โดยนำเมล็ดมาบดให้แตกและแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 วัน จากนั้นนำไปผึ่งแดดให้แห้งและโรยลงดิน รดน้ำให้ชุ่มและเก็บให้พ้นแดด เมื่อต้นกล้าขึ้นแล้ว ให้ปลูกห่างกัน 10 เซนติเมตร โดยดินควรเป็นดินร่วนซุย ปนทรายมีสารอินทรีย์วัตถุสูง เพียงเท่านี้เราก็มีผักชีไว้ทานแล้ว

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : เมื่อต้นกล้าขึ้นแล้ว ผักชีจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน ก็สามารถนำไปรับประทานได้ ก่อนเก็บ แนะนำให้รดนำให้ดินชุ่มเล็กน้อยเพื่อให้เก็ยง่ายและต้นไม่ขาด


 บทความอื่นที่น่าสนใจ